Monday, July 15, 2013

วันรับใบจบไฮสคูล

สวัสดีจร้าาาา  มาต่อกันด้วยอันสุดท้ายของวันนี้น่ะค่าา

วันนี้เป็นวันที่ต้องรับใบdiploma  วันนี้เป็นวันที่ร้อนฟุดๆ ก่อนอื่นต้องเดินไปที่ห้องที่โรงเรียนจัดไว้ให้Homeroomของเรา   เราไปถึงเป็นคนแรก ตอนแรกฉันมัดผมแล้วก็เอาไว้ข้างในหมวก พอเริ่มมีคนมาทำให้เรารู้ว่า"ฉันกลายเป้นอิประหลาด"อยุ่คนเดียว หน้าเอ๋อน้องเด๋อมากอ่ะ แต่ก็คิดในใจว่า
"ช่างแม้มเหอะ" จบไปแล้วจะได้มีอ่ะไรตลกๆให้คิดถึึงบ้าง(และก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ) 
พอได้ใบdiplomaแล้วก็เอาผมลงก็เลยดีขึ้นส่วนรูปที่เอาผมขึ้นเอาไปปิดตายที่ตู้เชฟเรียบร้อย
 กลัวคนเอามาเมาท์มอยให้เขินเล่นอ่ะ

รูปนี้ร่วมพี่สาวที่อุสาห์ลำบากจ่ายค่าเครื่องบินจากลาสเวกัสมาพิสเบิร์กด้วยเงินตั้งห้าเหริยญ(พี่สาวสะสมไมค์จากการไปเที่ยวมาหลายที่ค่าเครื่องบินเลยถูก)  ก่อนออกมาจากบ้านบอกแม่ไว้ว่าให้ทำผมทรงญาญ่ามางานลูกน่ะเคอะ และแม่ก็ไม่ทำให้ผิกหวังจัดมาเหมือน(แม่)ญาญ่าจริงๆ ส่วนทางด้านขวาสุดคือแขกไม่ได้รับเชิญ55555 ล้อเล่นป๊าโจพ่อบุญธรรมอิฉันเองเค่อะ  รูปนี้ดีมากแต่เสียดาย ตาคนถ่ายใช้ไอโฟนไม่เป็นกระมั้งเลยมีรูปมือจางๆติดอยู่ แต่ข้าก็ไม่แคร์เค่อะ 



 สามสาวซี้ที่เคยสนิทกันมาก่อนก็ได้มาร่วมแหกตาสามัคคีถ่ายรูปร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายถ่ายไปหลายแชะแต่รูปนี้ฉันสวยสุดแล้วเหอะ  แต่ดูขานางคนกลางสิ สงสัยจะเป็นโรคไส้เลือนเหมือนนางสาวศรีสยามเลยหุบไม่ลง 5555 ไม่สมกับเป็นกุลสตรีเลยเนอะเหมือนมาจากลพบุรีมากกว่า55
 เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นคนที่ไนซ์ที่สุดในโรงเรียนเลย เค้าชื่อเคที่ คือแปปว่าบ้านเค้าตลกทั้งบ้าน ถ้าไปเปิดคณะตลกคงรุ่งมากๆ รูปที่ถ่ายนี้เป็นฝีพระหัตของพ่อเคที ตอนกำลังจะแซะ พ่อเคทีปล่อยมุกเลยหัวเราะออกกล้องเลยที่นี่ 5555 (เราตัวเล็กมากอ่ะ)
หมีที่พี่สาวคนสวซื้อมาไห้พร้อมดอกไม้ราคาเหยียบสองพันกว่าบาท(แปดสิบเหรียญ) ซื้อมาถ่ายรูปซักสองสามแซะ และถือให้ดูไฮโซเล่นๆ แล้วก็รีบเก็บบิลเอาไปคืนที่ร้านเหมือนเดิม
 พอดีว่าอิฉันสวยสร้างภาพค่ะ 
 อยากแอ๊ปสวยก่ะเค้าบ้างง่ะ  ตอนถ่ายพยายามนึกถึงหน้าพี่ปอล์ล ผลที่ได้เลยเป็นเช่นนี้ เค้าสวยไหมเคอะ? กน้าเหมือนเหม็นกลิ่นฮ่องกงฟุตตัวเอง555

ภาพสุดท้ายสำหรับวันนี้ พรุ่งนี้มาต่อค่าาา


จบไฮสคูลแล้ว แย้ๆ



สุดท้ายก็จบไฮสคูลซะที ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาได้ด้วยภาษาอังกฤษที่ไม่ยอมพัฒนาซะที
วันนี้เลยจัดเต็มเสื้อผ้าหน้าผมเผื่อว่าจะมีใครมาขอถ่ายรูปวันสุดท้ายอิอิ(จริงๆไม่มีใครมาขอเลยซะคน)
วันนี้เดินตระเวนเป็นยามโรงเรียน เข้าห้องเรียนเก่าๆที่เคยเข้า ทั้งเลย วิทย์ คณิต ถ่ายรูปจนมือปิดเบี้ยวจะเป็นง่อยอยู่แล้ว กร้ากกก

รูปนี้สวยที่สุดเท่าที่เคยถ่ายมา ซึ้งจนอยากจะร้องไห้ แง้ๆๆๆ
คนซ้ายเป็นลูกครึ่งจีน-เยอรมัน คนขวาเป็นคนเวียดนาม คนกลางเป็นลูกครึ่งคนครึ่งผี555
(ขอบอกว่าตัวจริงไม่สวยเหมือนในรูปน่ะตัวเอง)




ก่อนเรียนจบก็ต้องมีงานพรอมใช่ม้า พอดีว่าตอนนั้นยุ่งๆเลยลืมนึกไปว่าต้องหาเพื่อนไปด้วย
ถามใครเค้าก็ไม่รับ(คงคิดว่าฉันเป็นปลวก) ก็เลยโพสบ้าบอในเฟสบุ๊ค เลยได้เจอเพื่อนคนนึ
และช่วนไปด้วยกัน 
 ตอนวันงานตื่นเต้นมากมายเพราะจัดมาซะเต็ม ลงทุนไปร้ายกว่าเหรีญยหรือสามพันกว่า
นึกแล้วก็เสียดายน่าเอาตังไปซื้อสกินแคร์ดีกว่า)   โรงแรมที่จัดงานหรูมากๆไม่เสียใจที่จายไปเกือบสองพัน(ค่าตั๋วน่ะ)   พอเริ่มก้าทุ่มคนก็ทะเยอะมาเยอะแยะเสียงดังอย่างกับตลาด
แต่ละคนจัดมาเต็มไม่ตกหล่อน แต่มีนางนึงนางมาฮามากนางใส่ชุดฝรั่งเศสโบราณสมัยพระเจ้าเหามา
ดูไปชุดนางก็สวยดีแต่.........ทุกคนใส่ชุดราตรีแบบร่วมสมัยใหม่กันทั้งนั้น
แอบอิฉานางเพราะนางเด่นจริง อิอิ
ดิฉันก็เต้นรอหนุ่ม(หน่าตาดี)มาเต้นด้วย ก็แปลกใจไม่มีใครสนใจฉันก็เลยเดินไปเข้าห้องน้ำ
พอเห็นกระจกเท่านั้นแหละ โอ้แม่เจ้า คนบ้าที่ไหนมางานพรอมหว้าา
ภาพที่เห็นคือ ผู้หญิงตัวเล็กๆป้อมๆใส่ชุดราตรีผ้าไหมอิตาลีสวยงามตระการตา
รอยลิปสติกเขอะออกมารอบปากอย่างกับไปจกตับใครมากิน ว่าง่ายๆเลยน่ะ
เหมือนปอปผีฟ้าโดนฟ้าฝ่าอ่ะ หัวกระจุยอย่างกับหมามาคุ้ยแถมใส่เครื่องประดับอย่างกับตู้ทองเคลื่อนที่
อย่าว่าแต่หนุ่มจะเต้นด้วยเลยแค่มองยังไม่อยากจะคิด5555555555
เป็นอุทาหรณ์ว่าก่อนออกจากบ้านเช็คแล้วไม่พอ ต้องขยันเข้าห้องน้ำด้วย
ไม่ได้เอาเครื่องสำอางสำรองมาซักอย่างเลยเอาน้ำเซ็ดๆมัดผมแล้วเอาเครื่องประดีบออก
เลยดูเป็นคนขึ้นมาหน่อย 


ในงานพรอมก็มีกิจกรรมต่างๆนาๆ แต่ที่ประทับใจที่สุดคือ"สกดจิต"
นักสกิตจิตขออาสาสมัครสิบกว่าคนให้มาน่าหน้าเวที
แต่ละคนสวยๆหล่อๆ บองคนก็ขี้เก๊กสุดๆ เค้าเริ่มจากการหลับตา
แล้วจินตนาการตามนักสกดจิตไปเรื่อยๆจนถึงจุดที่ผู้ถูกสกดจิตไม่รู้ตัวว่า
ตัวเองกำลังทำอะไร พอนักสกดจิตบอกอาสาสมัครว่าอากาศร้อนมาก พวกผู้ชายถอดทักซิโดกันเป็นแถว บางคนถึงกับถอดเกือบหมด(ดีที่ผู้หญิงไม่ถอด ไม่งั้นคงติกเรท) มีผู้ชายคนนึงเป็นคนเงียบๆนักสกิตจิตก็เรียกให้ยืนขึ้นแล้วให้เขาจิตนาการว่า มีผู้หญิงสวยมากๆคนนึงรอเขาอยู่ให้พาผู้หญิงคนนั้นไปเต้นหน่อย  นักสกดจิตก็เอาเสาที่ตั้งไมค์มาให้ผู้ชายคนนั้นจิตนาการ ปรากฎว่าผู้ชายคนนั้นพาไมค์เต้น(ทะลึ่ง)รอบเวทีเลย แถมยังล้มตัวไปจูบไมค์ด้วย5555  คนขำกันใหญ่เพราะไอ้เจ้านี้มันเงียบๆและขี้เก๊กจะตาย

งานก็มีต่อไปเรื่อยๆก่อนจบงานก็มีคนมาเต้นด้วย(แอบดีใจ)  งานเลิดตีห้า สรุปว่าฉันไม่ได้นอนทั้งคืน ง้าาาาาาาา กลับบ้านมาแทนที่จะนอน กลับมาทำขนมต่อ เจริญ

ปล.วันต่อมาเลยเป็นไข้เพราะนอนไม่พอ



I'm back กลับมาแล้วว

ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนานมากๆๆ เพราะขี้เกียจเปิดนู้นโหลดนี้
เนื่องจากวันนี้ว่าขนาดเลย จะทามไลน์จากตอนที่หายไปน่ะค่ะ

ปีนี้หน้านาวนานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(เยอะไปไหน)  พอถึงฤดูใบไม้ผลิแล้วยังมีหิมะโปรยปลายอยู่เลย
ลำบากอิฉันเวลาไปไหนทีต้องมาขูดหิมะออกจากรถไม่ขูดก็ไม่ได้ เอ้ออ
อยู่บ้านก็เซ็ง เลยยอมหนาวฝ่าออกไปให้ได้แย้ๆๆๆ
เมื่อเดือนมกราคมพี่สาวคนเดียวย้ายไปอยู่ลาสเวกัสที่ให้เราหนาวอยู่นี่ง่ะ อิจฉา
แอบสงจดหมายสารภาพความผิดไปหลายฉบับ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีก
"พี่กิ๊ก หนูขอโทษกับทุกสิ่งน่ะ หนูรู้หนูไม่ดี บางทีหนูก็อิจฉาพี่......บลาๆ" นึกแล้วก็อาย เขียนไปได้ไงเนอะ
ตอนเจอกันคงมองหน้าไม่ติด 5555   รูปที่ถ่ายนี้ช่วงเดือนมีนาคมเป็นตอนกลางๆของหน้าหนาวเอง






 ช่วงนี้อารมณ์ดีดีดี เลยเพิ่มความอ้วนโดยการทำแครปเค้กกินเอง อร่อยมาก
นิ้มหอม หวาน มัน เปรี้ยวซอสนิดๆ แต่ละคำแทบจะละลายในปาก ฟินมาก





เรียกน้ำย้อยเล็กน้อย
เดี๋ยวต่อตอนต่อไปจร้า